8/13/2554

สวยบนส้นสูง

"I'm not into comfort, but my shoes do have to serve as something between a weapon and an object a art."
Christian Louboutin

         ได้มีโอกาสหยิบหนังสือเก่ามาอ่านใหม่เรื่อง "Mix & Match"ก็ยังได้ความรู้ และอะไรบ้างอย่างที่เคยอ่านแต่ลืมไปแล้ว (เพราะอ่านนานเกินและไม่ค่อยได้ใช้) ในหนังสือมีหัวข้อหนึ่งพูดถึงส้นสูง ในความรู้สึกมันก็ไม่ได้อยากอะไรนักหนากะอีการใส่รองเ้ท้าส้นสูงนี้ แต่พึ่งมาสำนึกว่า การที่จะใส่เดินเฉยๆ กับใส่แล้วให้ เดินแล้วสวย มันต่างกันเจ้าค่ะ ลองมาดูกันซิว่ามันต่างกันอย่างไร และเดินกันอย่างไร




  •    ลองเริ่มที่ส้นสูงแบบส้นหนาหน่อยก็ได้ ขนาดประมาณสองนิ้ว เดินไปเดินมาให้ชำนาญ ฝึกเดินในบ้านก่อนก็ได้ อย่าข้ามขั้นไปที่ส้นสูงสี่นิ้วเลย (พี่ขอร้อง!!!)
  •   การสวมถุงน่องจะทำให้การเดินเหินลื่น เอาเข้าจริงเท้าเปลือยๆ ของเรานี่แหละดีนัก เนื้อหนังมังสาจะแนบแน่นกับหนังหรือพื้นรองเท้า สร้างความกระชับยามก้าวเดิน
  •    สำหรับการเลือกซื้อส้นสูง จะซื้อขนาดใหญ่กว่าปกติประมาณครึ่งไซซ์ก็้ได้ เผื่อไว้สำหรับเท้าบวม
  •    ท่วงท่าลีลาการเดินบนส้นสูง จะแตกต่างไปจากการเดินเท้าเปล่า หรือรองเท้าแบบพื้นราบ ซึ่งน้ำหนักการกดลงของน้ำหนักตัว จะเริ่มที่ส้นเท้า อุ้งเ้ทา และนิ้วเท้า ต่างจากส้นสูง ยืนเฉยๆิ ก็เหมือนเราเขย่งตัวแล้วใช่ไหมค่ะ น้ำหนักย่อมไปตกอยู่ที่อุ้งเท้าหน้า ดังนั้นควรเดินโดยให้ส้นเท้าและอุ้งเท้าแตะลงพื้นพร้อมกัน และมีการสร้างสมดุลให้การลงน้ำหนัก เช่น ควรเดินก้าวยาวกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้ขณะเดินตัวคุณเอนไปด้านหลังนิดหน่อย ซึ่งก็ดูสง่าดี แต่อย่าเอนมากไป เดี๋ยวคนนึกว่าคุณหลุดออกมาจากบางกอกแฟชั่นวีค


    เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย...เมื่อซื้อส้นสูงมาใหม่ๆ ให้งอส่วนหน้า (บริเวณอุ้งเท้า) ของรองเท้าตัวเองสักสามสี่ครั้ง และให้ใช้กุญแจหรือมีดกรีดเบา (ขอย้ำว่าเบาๆ) ที่พื้นรองเท้าเพิ่มความสาก เวลาเดินจะได้ไม่ลื่น

     ***เอาวีดีโอมาให้ดูกันสาวๆ ทุก ส้นจะได้เดินเฉิดฉาย บนส้นสูงคู่สวยกันทุกคน
    ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมหวังว่าคุณคงได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย










8/08/2554

vintage style

            แฟชั่นเป็นอะไรที่มาไวไปไวจนบางครั้งเรายังตามไม่ทัน แต่เราว่ามีสไตล์หนึ่งที่มีแต่อินไม่มีเอาท์อยู่ตลอดนั่นก็คือ "แนววินเทจ" นั่นเอง หลายคนคงพอรู้จักและผ่านหูกันมาบ้าง กับการเอาชุดที่ดูป้าๆมาใส่นั่นเอง แต่หลายคนอาจกลัวเพราะถ้าแต่งไม่ดีอาจจะดู แม่เจ้า....ป้าสุดๆ แน่ๆ แต่ไม่ต้องกลัวแฟชั่นยังคงเป็นเรื่องสนุก เราเลยเอาตัวอย่างมาให้ดูกัน.......ไปเลยจ๊ะ
  •   การแต่งวินเทจอาจจะเริ่มง่ายๆ ด้วยการหาลายผ้าที่เป็นลูกไม้หรือลายคลาสสิคอย่างลายจุดน้อยจุดใหญ่ของเรานั่นเอง นำมาเป็นพื้น แล้วเพิ่มฟังชั่นเก๋ อย่างแว่นตาทรงโต รองเท้าเก๋ที่เป็นหนัง สายคาด
Vintage Style
  •  คุณแม่คุณอาจมีชุดทำงานเก๋ๆ อยู่ส่วนคุณมีเข็มขัดเส้นโตที่นอกจากจะทำให้เอวเล็กแล้วยังทำให้คุณดู "ชิค" อีกด้วย ขอบอก


Vintage Style
  •  เครื่องประดับช่วยคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นที่คาดผม รองเท้า กระเป๋า แค่คุณหาความเหมาะให้เจอ ง่ายๆ ถ้าคุณอยากแต่งวินเทจก็อย่าริอาจเอากระเป๋าแนวอวกาศมามิกซ์เพราะเมื่อเราอยากแต่งวินเทจก็ควรหาอะไรที่มันไปแนวเดียวกันจะชัวร์กว่าน่ะ อีกอย่างการแต่งหน้าที่ดูเน้นปากสีเข้มๆ การเน้นเฉดดิ้ง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณ "เป็นสาววินเทจได้ไม่อยาก...

Vintage Style


แฟชั่นไม่ว่าสไตล์ไหนก็สนุกทั้งๆนั่น ขอเพียงคุณต้องลอง แล้วคุณอาจจะแปลกใจก็ได้ที่คุณสนุกกับมันขนาดนี้

8/07/2554

มาล้างหน้าให้ถูกวิธีกันเถอะ^^

       สวยๆหลายคนอยากสวยอยากดูดีก็ประโคมเมคอัพกันไม่ว่าจะปกปิดริ้วรอย ปกปิดสิว และอื่นๆ อีกมากมาย จนทำให้ลืมขั้นตอนสำคัญพื้นฐาน นั่นคือ "การล้างหน้า" นั่นเอง วันนี้เราจึงเอาข้อมูลดีๆ มาแบ่งปันจ๊ะแล้วเราจะรู้ว่าแค่ใส่ใจกับการล้างหน้าก็ทำให้เราดูดีขึ้นได้...คอนเฟิร์ม!!!
ถ้าใครแต่งหน้า หรือแค่มีครีมกันแดดปะอยู่บนหน้าแล้วล่ะก็ ควรล้างหน้าด้วยขั้นตอนต่อไปนี้



ขั้นตอนแรกคือการลบพวกเมกอัพถาวรออกไปก่อน
ด้วยการนำสำลีแผ่นชนิดรีดขอบชุบน้ำยากให้ชุ่มแล้วแปะไว้ที่บริเวณดวงตาและปาก 3-5 นาที

Q : ทำไม makeup remover หรือบางชื่อคือ eye & lip remover ถึงมีความสำคัญ?
A : ก็เพราะว่า ส่วนผสมของเครื่องสำอางบางตัว ไม่สามารถทำความสะอาดได้เพียงแค่ส่วนผสมของน้ำมันน่ะสิ....การใช้ makeup remover ทำให้ขนตาไม่ร่วง ไม่หัก แล้วก็ช่วยถนอมผิวบริเวณรอบดวงตาไม่ให้ถูกเช็ดถูอย่างแรง จากการพยายามเยื้อมาสคาร่าออกจากขนตา.......ส่วนการใช้ makeup remover แปะที่ริมฝีปากในกรณีที่ทาลิปสีเข้มๆ ก็เพื่อ ช่วยให้เม็ดสีพิกเม้นท์ไม่ตกค้างที่บริเวณปากซึ่งจะมีผลทำให้ริมฝีปากคล้ำ นั่นเองจ้า



ขั้นตอนที่ 2 จะเป็นการทำความสะอาดเครื่องสำอางประเภทครีม แป้ง และสิ่งตกค้างที่อาจอุดตันรูขุมขนซึ่งเป็นบ่อเกิดของสิว ขั้นตอนนี้จะใช้ makeoff ประเภท cleasing balm / cleasing oil / cleasing milk แล้วแต่สภาพผิวและความชอบ นวดวนประมาณ 5-15 นาที ให้ไขมันจาก cleasing แตกตัวไปดึงให้สิ่งสกปรกลอยขึ้นมาจากผิว ถ้าเป็น cleansing oil บางยี่ห้อ จะใช้น้ำหยดลงไปให้ oil กลายเป็นสีน้ำนมแล้วนวด จะช่วยให้พวก makeup ออกง่ายขึ้นค่ะ ซึ่งการนวดในขั้นตอนนี้อย่างต่อเนื่องสามารถช่วยลดสิวในกรณีสิวเสี้ยนบึ้ม ได้อีกด้วยจ้า....... ขั้นตอนที่ 2 นี้ต้องล้างออกด้วยน้ำสะอาดเยอะๆ ค่ะ ** ป้าโฮกสั่งให้มาเพิ่มเรือง การใช้ Cleansing Milk อีกนิดว่าให้นวดจากครีมสีขาวๆ ให้แตกตัวกลายเป็นน้ำมันใสๆ ก่อนอ่ะ เพราะสาวๆ ส่วนใหญ่ไม่นวดถึงจุดนั้น แล้วเช็ด หรือ ล้างหน้าต่อเลย ทำให้เครืองสำอางยังตกค้าง ไม่สะอาด อาจเป็นที่มาของการเป็นสิวอุดตัน จากนั้นก็ให้เช็ดด้วยกระดาษเช็ดหน้า หรือ เช็ดออกด้วยสำลี สปองชีท หรือ ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำอุ่น แล้วค่อยล้างด้วยโฟมจ้า

สุดท้ายคือการล้างทำความสะอาดทั่วไป เพื่อเพิ่มความสดชื่น และล้างคราบไขมันจากขั้นตอนที่ 2 ออก ในขั้นตอนนี้สามารถใช้ล้างเดี่ยวๆ ได้ในกรณีที่อยากล้างหน้าระหว่างวัน ร้อน ล้างคราบเหงื่อเท่านั้นค่ะ.... อุปกรณ์ที่ใช้สามารถพบเจอได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันคือ สบู่ล้างหน้า ทั้งชนิดก้อน สบู่เหลว โฟม และเจล ก็เลือกกันไปตามสภาพผิวและความถนัด.... เสร็จแล้วล้างน้ำเปล่าเยอะๆ ก่อนจบด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน ถ้าใครชอบโทนเนอร์ก็สามารถใช้ต่อจากขั้นตอนนี้เพื่อเตรียมผิวสู่ขั้นตอนดูแล ผิวต่อไปได้เลยค่ะ :)


ขอบคุณข้อมูลดีๆและรูปหน้ารักๆจาก: http://www.jeban.com